แสดงหัวข้อทั้งหมด

โตเกียว( 20-24/10/15)
ผู้เขียนเดินทางวนิลาแอร์ ไปสนามบิน hokkaido เช็คอินท์ตอน 0825 am ไปถึงก่อนชั่วโมงกว่า เรียกว่าเตรียมตัวมาดีครับ เข้าห้องนำ้สังเกตุว่า มันมีการจัดการที่ดีมาก มีแอลกอฮอล์ให้เช็ดที่นั่งส้วม กระดาษม้วนญี่ปุ่นไม่มีแกนกลางที่เป็นกระดาษแข็งเหมือนบ้านเรา ดีครับไม่ต้องทิ้งอะไรเลย กระดาษใช้ได้ทั้งม้วนเลย รายละเอียดแบบนี้แหละที่คนไทยสู้ไม่ได้ เข้ามาในสนามบิน ไปซื้อของ อาหารที่วางไว้จะมีโมเดลโชว์ว่าด้านในเป็นอะไร ชัดเจนครับ เคลียร์ เข้าใจก่อนซื้อ ดูแล้วน่ากินครับ

ถึงโตเกียวแล้ว ไปแลกตั๋วรถไฟที่ซื้อมาแล้วจากเมืองไทย ต้องเดินจาก domestic ไปเทอร์มินอล 2 สิบห้านาทีได้ครับ รอขึ้นรถไฟความเร็วสูง บ่ายโมงสองนาที ถึงโตเกียวสองโมงสี่สิบสามนาทีตรงเวลา ใช้เวลาเดินทาง สี่สิบเอ็ดนาทีตรงเป๊ะ เดินไปโรงแรมอีกครับ เดิน เดิน เดิน อย่างเดียวครับประเทศนี้ โรงแรมบอกว่าเช็คอินท์ตอนสามโมงเย็น โอ มายก็อต หิวครับ ต้องหาอะไรทานแล้วครับ ก็ต้องหาแถวรอบๆโรงแรมนั่นแหละครับ สั่งอาหารชุดครับ ข้าวพร้อมกับข้าว ตับผัดถั่วงอกอร่อยครับ พร้อมด้วยอีกชุด ราเมงครับ อิ่มแล้วไปไหน เกือบสี่โมงเย็นแล้วจะไปไหนได้ครับ ตามแผนที่วางไว้ ต้องไปวัด asakusa ,skytree ,asahi buildling,shinjuku แค่ไป asakusa ก็มืดแล้วครับเดินไปไม่ถึงก็ต้องเปลี่ยนใจไป shinjuku สถานนีรถไฟที่มีคนใช้บริการ3.6 ล้านคนต่อวัน ในหนังสือบอกว่าให้ระวังหลงครับ ผู้เขียนไม่กล้าเดินไปไหนที่ออกนอกทางที่เดินออกมาจากรถไฟเลยครับ ต้องจำไว้ว่าเดินตรงออกไปตลอด ขากลับก็เดินตรงกลับเข้ามาเหมือนเดิมครับ คนเยอะมากครับ ยังกับมด ของขายเต็มไปหมด มันเหมือนเป็นสถานนีรถไฟ + ห้างหลายห้าง รวมกัน ทั้งบนดิน ใต้ดิน แน่นอนหละครับถ้าเดินไปเรื่อยๆหลงแน่นอน ก็ใหญ่ซะขนาดนั้น รวมความว่าไม่มีอะไรครับ ไทยสู้ได้ครับ ก็เป็นแหล่งช็อปปิ้ง ตามปกติครับ

จบวันแรกอย่างไม่น่าประทับใจเท่าไร เมื่อยครับ ปวดขา ปวดหัว เมืองมันวุ่นวายครับ ถึงว่าบางคนมาเที่ยวไม่มาโตเกียว ไปแค่ฮอกไกโด (slow life)

วันที่สอง วันพุธที่ 21/10/15  ตามแผนวันนี้จะไป ศาลเจ้าเมจิ ,ฮาราจุกุ ,โอไดบะ(เกาะที่ทำด้วยขยะทั้งเกาะ) ตอนนี้ทานข้าวเช้าเสร็จก็เก้าโมงครึ่งแล้ว คงเรียบร้อยที่จะออกเดินทางตอนสิบโมงเช้าครับ

ตามเป้าหมายครับ ไปที่แรกที่ศาลเจ้าเมจิ นั่งรถไฟใต้ดิน ไปที่สถานนี meji-jingumae ขึ้นลิฟต์ไปด้านบนก็ถึงหน้าศาลเลยครับ มันเป็นสวนใหญ่ๆร่มรื่นครับ เดินเข้าไป เดินออกมา เสร็จพิธีครับ แถบนี้เค้าเรียกว่าเขต shibuya แถบนี้มีฮาราจุกุ แหล่งรวมเสื้อผ้าวัยรุ่นด้วยครับ แต่เผอิญผู้เขียนวัยร่วงแล้ว ก็เลยไม่ได้ไปเดินถนนนี้ ตัดสินใจไปเมืองขยะเลย นั่งรถไฟต่อไปที่ shimbashi ออกจากสถานนี แล้วเดินไปขึ้นรถไฟสายใหม่ที่ชื่อว่า yurikamome หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋ว แล้วก็เลือกว่าสถานนีไหน เราต้องการจะไปไหน ไปดูรูปปั้นเทพีสันติภาพ ไปดูหุ่นกันดั้ม  แล้วก็ไปกินอาหารจีนร้านที่ในหนังสือแนะนำที่ห้าง decks tokyo beach seaside mall ผู้เขียนต้องเลือกลงสถานนีที่หก ครับค่าตั๋วไปกลับผู้ใหญ่ 640 เยน เด็ก 320 เยน

ครับกินอาหารร้านจีนตามที่หนังสือบอก เสร็จแล้วก็เดินต่อไปดูหุ่น gundam ที่ divercity tokyo plaza เดินไปที่ชั้นสองครับ ตรงไปเรื่อยเลี้ยวซ้ายออกประตูไปจะเห็นหุ่นตัวใหญ่เท่าตึกสี่ห้าชั้นเลยครับ ถ่ายูปเสร็จ ถ้าต้องการซื้อหุ่นตัวต่อก็มีร้านขายครับ หลังจากนั้นให้เดินผ่านหุ่นไปทางขวามือ เดินไปจนเห็นสะพานแขวน แล้วท่านจะค่อยๆเห็นเทพีสันติภาพครับ จบแล้วครับวันนี้  เดินกลับไปเส้นทางเดิมเพื่อขึ้นรถไฟกลับไปที่ shimbashi แล้วก็นั่งรถไฟกลับโรงแรม จบวันที่สองแล้วครับ

มีข้อสังกตุเรื่องการขึ้นรถไฟผู้เขียนอยากจะบอกท่านที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่น
-ต้องระวังครับว่าเราจะขึ้นรถไฟฝั่งไหน ในสายที่เราจะไป เพราะรถไฟสายที่เป็นชื่อเดียวกัน แต่ตัวเลขสถานนีต่างกัน อาจขึ้นคนละฝั่ง ต้องระวังว่า เราจะไปที่เลขไหน เช่น ดูในแผนที่ จะเห็นว่า เราจะไป G6 หรือ G16 อันนี้ต้องละเอียดถ้าไม่อยากเสียเวลา ต้องนั่งรถไฟกลับมาที่เดิมหากขึ้นผิดฝั่ง ต้องดูตามผนังก่อนที่เราจะขึ้นรถไฟว่า ตัวเลขสถานนีตรงกับเลขที่เราต้องการไป ตัวเลขดูในแผนที่นะครับ ตอนแรกผู้เขียนก็ไม่ได้สนใจดู ดูแต่สีว่าที่เราจะไปสีอะไร อันนี้ไม่ได้ครับ ดูสี  ดูชื่อสาย แล้วต้องดูหมายเลขด้วยนะครับ

ถ้าดูตามนี้แลัวจะง่ายขึ้นเยอะ แล้วก็ไม่หลง ไม่เสียเวลาครับ

วันที่สาม พฤหัสที่ 221015 วันนี้ไปภูเขาฟูจิครับ
กินข้าวเช้า แทบไม่ลงเพราะกับข้าว แทบคล้ายวันแรก ไข่ต้ม กาแฟ สลัดผัก ข้าวห่อสาหร่าย เอียนครับท่าน หลังทานเสร็จก็ไปพักสักเล็กน้อยก่อนออกเดินทาง สิบโมงเป็นเวลาโดยประมาณที่ออกเดินทางในแต่ละวัน วันนี้จากสถานนีueno ต้องไปทึ่ shinjuku เพื่อต่อรถบัสไปที่ ภูเขาฟูจิ ที่อยู่เมือง kawaguchiko เหมือนเมืองต่างจังหวัด มีรถไฟแยกสายออกไปจากตัวเมือง บริษัท HISทึ่ผู้เขียนจองโรงแรมผ่านเค้า บอกว่าไปรถบัสเร็วกว่า อันนึ้ผู้เขียนไม่แน่ใจ แต่ที่รู้ค่าตั๋วรถบัสถูกกว่าตั๋วรถไฟครับ รถบัส 6000 กว่าเยน รถไฟ 8000 กว่าเยน ผู้เขียนกลับรถไฟ เพราะรถบัสเต็มทุกเที่ยวครับ ตอนนี้ขณะที่เขียนบทความ ก็อยู่บนรถไฟครับ กำลังนั่งไปที่สถานนี shinjuku รวมเวลาเดินทางกลับประมาณสองชั่วโมงครึ่งครับ ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มแล้ว ที่วางแผนว่าจะไปกินซ่า คงต้องยกเลิกแล้ว เพราะว่าจะไปกินข้าว แล้วเข้าโรงแรมนอนเลยครับ เพราะเดินทั้งวันเหนื่อยครับ

ออ ฟูจิวันนี้ไปไหนมาบ้าง ???
เวลาท่านมาถึงฟูจิ หรือเมือง kawaguchiko แล้ว ท่านก็ไปดูแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองได้ครับว่าจะไปไหน สิ่งทึ่ผู้เขียนสอบถามพนักงานประจำสถานนีก่อนเลย คือที่ไหนครับภูเขาฟูจิ เค้าก็ตอบว่าอยู่ด้านหลังสถานนีรถไฟนี่แหละ แต่วันนี้มองไม่เห็นเพราะมีหมอกเยอะ ซวยครับทุกคนถาม พร้อมกันว่า มาทำไมวะ หลังจากไม่เห็นภูเขาฟูจิแล้ว เราก็สอบถามเค้าอีกว่า แล้วส่วนมากคนที่มาไปเที่ยวที่ไหนกัน คำแนะนำคือ ไปถีบเรือที่ทะเลสาบ และนั่งกระเช้า ที่หมายเลข11ในแผนที่จ่ายเงินคนละ150 เยน ให้กับคนขับรถบัส ครับไปครับ ไปถีบเรืออย่างเดียว หลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่สถานนีรถไฟ kawaguchiko เตรียมตัวกลับเร็วกว่ากำหนด เพราะไม่มีอะไร ระหว่างเดินกลับ ก็เจอร้านขายของ แวะชิม แวะซื้อบ้าง จนถึงสถานี ได้เวลารถไฟออกก็กลับ Shinjuku ครับ

วันที่สี่ วันศุกร์ที่ 231015 วันนี้ไป disney sea
สอบถามเจ้าหน้าที่โรงแรมว่าไปดิสนีย์แลนด์ ไปอย่างไร เค้าบอกว่า จาก ueno ให้ไปที่ tokyo ก่อนหลังจากนั้นให้ไปที่ ไมฮามะ หลังจากนั้นก็ไปต่อรถไฟสายดิสนีย์โดยตรงเลย
ครับเข้าใจแล้ว เดินไป สถานนี ueno ดูทางไปสถานนี tokyo เห็นป้ายบอกว่าไปที่เลข 7-9 เดินไปรอที่หมายเลข 9 ครับ ไม่มีคนยืนเลย ซักพักคัดสินใจไปที่หมายเลข 8เห็นคนเยอะดี รถไฟมาก็รีบขึ้นทันที ไม่สนใจอะไร tokyo แน่นอน โอ ที่นั่งหรูมาก สีดำ น่านั่ง ประตูปิด คนประกาศ ไม่เห็นบอกว่าไป tokyo ซวยหละครับ ทำไง นั่งเฉยๆครับ ซักพักก็ค้องถามแล้วครับว่ารถไฟไปไหน สรุปว่ารถไฟไปที่เมือง mito โอย หนึ่งชั่วโมงรถไฟถึง mito แล้วก็ต้องนั่งกลับอีกหนึ่งชั่วโมงครับท่าน โง่ที่รีบขึ้นโดยไม่เช็คครับ ว่ารถไฟไปไหน นี่คือบทเรียนของการเดินทางครั้งนี้เลยครับ เสียเวลา แล้วก็ยังเสียเงินค่าตั๋วด้วย เพราะว่าคนญี่ปุ่นที่เราไปสอบถามว่ารถไฟไปไหน ได้พูดคุยกับคนเก็บตั๋วบอกประมาณว่าเราขึ้นรถไฟผิด คนขายตั๋วก็มาคุยกับเรา โดนไปซิครับค่าตั๋วรถไฟด่วน 4500 เยน (1350 บาท) ค่าโง่ครับ แล้วก็เสียเวลาเที่ยวดิสนีย์สองชั่วโมง ก็ว่าไปครับซื้อประสบการณ์ต่อไปไม่ผิดอีก คราวหลังอย่าซ่า ถามนายสถานนีก่อนดีที่สุดก่อนขึ้นรถไฟ เสียเวลาห้านาทีดีกว่าสองชั่วโมงครับ
ถึงดิสนีย์ซี่แล้วเดินเข้าแบบ งงๆ ไม่รู้จะไปไหนดี เดินเข้าไปเรื่อยๆ จนเจอภูเขา มีรถไฟวิ่งด้านใน เครื่องเล่นหมายเลขหนึ่งเลยครับ เรียกว่า journal to the center of the earth ตอนนี้อยู่ในคิวเกือบสองชั่วโมงแล้วครับ ซึ่งเครื่องเล่นนี้ใช้เวลาแค่สามนาที แต่คนเยอะมาก ไม่รู้ว่ากูจะมายืนต่อคิวทำบ้าอะไรวะ ไม่เห็นมีความอยากเลยวะ ตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว วันนี้จะเล่นได้อีกกี่อย่างครับเนี่ย ผู้เขียนคิดว่าอีกสามเคริ่องเล่น เล่นได้ก็เก่งแล้วครับ

เครื่องเล่นแรกถึงคิวเราแล้วครับ พนักงานให้เราขึ้นไปนั่งบนรถไฟ ในถ้ำครับ ตอนแรกๆรถไฟก็แล่นช้าๆ ตอนหลังก็แล่นเร็วก็ตามคอนเซ็ปหละครับ ทำให้เรากลัวแคาสวมนาทีก็หมดรอบแล้วครับ ตื่นเต้นดี

ต่อไปเป็นเครื่องเล่นที่จำลองพายุให้เราเข้าไปนั่งคล้ายโรงหนัง พื้นสั่นได้ มีฝนตกจริงๆด้วย แล้วก็มีหน้าจอภาพ ฉายหนังเป็นฉากต่างๆทำให้เราตื่นเต้น  ไม่ค่อยเท่าไหร่ถ้าเทียบกับเครื่องเล่นอันแรกที่ผ่านมาครับ

เครื่องเล่นที่สาม ก็เป็นคล้ายรถไฟเหาะ แบบไม่สูงมากนัก อันนี้เพื่อเด็กๆโดยเฉพาะ

อันที่สี่ก่อนกลับ เห็นบอกว่าเป็นปราสาทเก่า แล้วมีลิฟต์ ไหลลงมาอะไรทำนองนั่น ทำเป็นเหมือนลิฟต์ตกลงมาด้านล่าง แล้วหยุด ตกจากที่สูง แล้วหยุด คนทีาไปเล่นบอกว่าเสียวมากครับ

เกือบสามทุ่ม ได้เวลากับแล้วครับ นั่งรถไฟกลับ ueno คิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าต้องไปกินเนื้อวากิว แล้วก็ได้กินจริงๆครับ แต่เสียค่าโง่ที่ว่าไปสั่งแบบรวมเนื้อทุกประเภท 3500 เยน เนื้อที่รวมมาบางชนิดไม่อร่อย แล้วเพิ่งมาเห็นเมนูเนื้อวากิวทีหลังจานละ 1050 เยน ลองสั่งมากินดู อร่อยมาก ออ ต้องสั่งแบบไม่มีมันนะครับ อร่อยนุ่มมากครับ ในหนังสือบอกว่ากินแล้วจะละลายในปาก โอ สุดยอดครับ นุ่ม ไม่เหนียว ไม่คาว รสชาดดีมากครับ จบแล้วครับอาหารเย็นมื้อสุดท้ายที่ญี่ปุ่น เนื้อย่าง หลังจากนั้นผู้เขียนก็กลับโรงโรม เตรียมแพ็คของเพื่อเดินทางกลับไทยพรุ่งนี้เช้าครับ

ตีสี่ครับตื่นเพื่อเดิน ลาก กระเป๋าไปที่สถานนี ทรมานครับ ถึงสถานนี ตีห้าสี่สิบเอ็ดนาที นั่งรอรถไฟความเร็วสูงอีกเกือบชั่วโมง เพราะมาก่อนเวลา หลังจากนั้นก็นั่งไปเทอร์มินอลหนึ่ง แต่ก็ไปลงผิดที่เทอร์มินอลหนึ่ง เสียเวลาต้องเดินลงลิฟต์ กลับมาที่เดิมอีกรอบ เพื่อขึ้นรถไฟไปเทอร์มินอลหนึ่ง เรียบร้อยครับถึงสนามบิน เข้าแถวรอเช็คอินท์ เข้าไปรอสายการบินไทย เตรียมตัวกลับบ้านเรา ที่สะดวกสบายกว่า อาหารอร่อยกว่า เรียกรถแท็กซี่ง่ายกว่า ของกินดีกว่า ถูกกว่า แล้วจะไปเที่ยวต่างประเทศกันทำไมครับ

ข้อควรทำก่อนเดินทาง
-หาข้อมูลที่กิน ที่เที่ยวมาบ้าง อย่ามาเหวอที่นี่ มาแบบไม่รู้อะไรเลย มันจะเสียอารมณ์ หนังสือที่ผู้เขียนแนะนำให้ซื้อคือ เล่มหน้าปกสีนำ้เงิน            ผู้เขียนซื้อมาสี่ห้าเล่ม เล่มที่ดีที่สุดคือเล่มนี้ครับ ทำให้เราเข้าใจเรื่องการเดินทาง ซึ่งสำคัญมาก
-ซื้อ จอง โรงแรม มาให้เรียยร้อยพร้อมศึกษาเส้นทางการเดินทางมาให้เสร็จสรรพ ไม่ใช่มางม มาดูแผนที่ ที่ สถานนีรถไฟ ว่าจะไปไหนทำไง มันไม่มืออาชีพ แล้วเสียเวลา ถ้าไม่ชัวร์ถามบริษัททัวร์ เช่น HIS เค้าเป็นบริษัททัวร์ที่ญี่ปุ่นและมีสาขาที่เมืองไทย บริษัทนี้มืออาชีพครับ ผู้เขียนสอบถามพนักงานเค้าทั้งหมด เรื่องรายละเอียดที่พัก และการเดินทางว่า ไปไหน ไปอย่างไร อีกทั้งยังสอบถามเรื่อง แต่ละวันจะไปเที่ยวไหนดีอีกด้วย เรียกว่าคุยบริษัทเดียว จบครับ แล้วก็ชัวร์ การที่จะจองโรงแรมเอง ดูแผนที่เอง ว่าโรงแรมอยู่ไหน ผ่านagoda.com บางทีพลาดครับ


คำถามที่ต้องการคำตอบ
ทำไงไม่ให้ขึ้นรถไฟผิดด้าน จะเช็คอย่างไร ก่อนลงไปขึ้นรถไฟ ว่า สายไหนไปหมายเลขอะไร ไม่เห็นบอกหมายเลขก่อนทางลงไปขึ้นรถไฟ ลงไปด้านล่างแล้วถึงรู้ว่า รถไฟสายเดียวกัน ฝั่งซ้ายวิ่งไปเบอร์ไหน ฝั่งชวาวิ่งไปเบอร์ไหน

วิเคราะห์ญี่ปุ่น
- เล็กไปหมดเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศเล็กๆ ผู้เขียนเห็นเค้าใช้ทรัพยากรแบบจำกัดมาก เช่นนำ้ตาลที่ใส่กาแฟทำซองเล็ก นมใส่กาแฟถ้วยเล็ก ใช้รถยนต์คันเล็ก ห้องนอนที่โรงแรมก็เล็ก3*6 เมตรก็ทำออกมาได้สวยอยู่สองคนได้สบายๆ
-แต่ดิสนีย์ซีๆมีเล็กครับ ใหญ่มาก มโหราญ เค้าทุ่มเต็มที่เพื่อการท่องเที่ยว แล้วทำไมไทยไมีมีมั่ง ดิสนีย์เนี่ย ต้องคิดแบบจีน ที่เค้าสร้างเชียงใหม่จำลองไปไว้ที่จีนเลย ป้องกันเงินไหลออกไปประเทศไทย
-การตรงต่อเวลาเป็นเยี่ยม สังเกตุได้จากรถไฟฟ้ามาตามเวลาถึงที่หมายก็ตามเวลาที่บอกไว้ อันนี้เยี่ยมครับ
-มาที่นี่ ถ้าจะใช้บริการรถไฟฟ้า เราจะต้อง เดิน เดิน แล้วก็เดิน นะครับ ถ้าใช้แท็กซี่แพงเริ่มกดมิเตอร์ก็730 เยนแล้วครับ

วิเคราะห์การบินไทย
มีข่าว การบินไทยขาดทุน เดินทางคราวนี้เชื่อว่า ขาดทุน จริงๆครับ เพราะการบริการสู้สายการบินต้นทุนตำ่ไม่ได้ครับ หน้าตา เหมือนไม่บริการ มีแต่พนักงานแก่ๆทั้งนั้น ในความคิดผมว่า น่าปลดระวางไปอยู่ภาคพื้นดินได้แล้ว อายุอย่างนี้จะมีแรงกระตือรือร้นในการให้บริการได้อย่างไรครับ สมควร แล้วที่ขาดทุน ผมเชื่อครับ ไม่สงสัยเลย เพราะโดนมากับตัว

สรุปค่าใช้จ่ายไปญี่ปุ่นกันเองสี่คน
- ค่าใช้จ่ายรวมค่าตั๋วทุกอย่าง ค่ากิน ค่าเที่ยว ตามข้อมูลในบทความที่เขียนข้างต้น ค่าใช้จ่ายต่อคน 55,000 บาท โดยประมาณครับ ไม่ถึง60,000 บาท ครับ ราคาต่อคนเท่านี้ค่อนข้างจะเท่ากับการเดินทางไปกับบริษัททัวร์ครับ เพราะผู้เขียนมีข้อมูลมาว่า ไปทัวร์ในเวลาเท่านี้ก็จ่ายคนละ50,000 บาทครับ